ความรุนแรงในครอบครัวและสังคม
สาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาความรุนแรงในครอบครัว อาจพอสรุปได้ดังนี้
1. ปัญหาเศรษฐกิจ ผู้ที่มีฐานะยากจนต้องดิ้นรนอย่างหนัก
ต้องทนอยู่ในแหล่งแออัดเสื่อมโทรม ทำให้เกิดความ เครียด
และมีความกดดันอยู่ในใจตลอดเวลา
พร้อมที่จะระเบิดออกมาเป็นพฤติกรรมรุนแรงต่อสมาชิกในครอบครัวได้เสมอ
นอกจากนี้ปัญหาเรื่องหนี้สินชนิดที่ล้นพ้นตัวก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้
นำครอบครัวคิดแก้ปัญหาโดยการฆ่าลูกเมียและฆ่าตัวตายตามด้วย
2. ปัญหาการหย่าร้าง ตามสถิตินั้นการหย่าร้างจะเพิ่มมากขึ้นทุกปี
ส่วนผู้ที่อยู่กันเฉย ๆ โดยไม่ได้จดทะเบียนก็ ยิ่งแยกกันได้ง่ายมากขึ้น
โดยเฉพาะผู้ที่ต้องอพยพย้ายถิ่นบ่อย ๆ ตามแต่จะหางานได้
และเมื่อได้คู่คนใหม่จะทำให้เกิดปัญหาระหว่างพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง
กับลูกเลี้ยง ซึ่งผู้ที่จะถูกกระทำทารุนก็คือลูกเลี้ยง
เนื่องจากเป็นผลพวงมาจากอดีตคนรักเก่า
ทำให้คู่คนใหม่อดจะหึงหวงหรืออิจฉาริษยาไม่ได้
3. ปัญหาความหึงหวง สามีย่อมหึงหวงเมื่อภรรยาไปมีชายชู้
เพราะรู้สึกว่าศักดิ์ศรีลูกผู้ชายถูกลบหลู่ จึงต้อง
กระทำการรุนแรงเพื่อเรียกศักดิ์ศรีของตัวเองกลับมา
โดยอาจลงมือฆ่าชายชู้และฆ่าภรรยาด้วย ส่วนภรรยาก็เช่นกัน
ย่อมหึงหวงเมื่อสามีมีภรรยาน้อย โดยถือภาษิตที่ว่า “เสียทองเท่าหัว
ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร” ยิ่งสามีให้ท้ายหรือยกย่อง
ภรรยาน้อยมากกว่าภรรยาหลวงก็ยิ่งแค้นจนอาจฆ่าภรรยาน้อยและสามีได้ในที่สุด
4. ปัญหาการขาดวุฒิภาวะ สามีภรรยามีวุฒิภาวะไม่สมวัยผู้ใหญ่ คือ
ต่างฝ่ายต่างเอาแต่ใจตัวเอง คิดถึงแต่ความสุขของตัวเองฝ่ายเดียว
ไม่นึกถึงใจคู่ครองบ้าง ชอบเอาชนะกันด้วยกำลังแบบเด็ก ๆ
เมื่อมีปัญหาแทนที่จะพูดกันด้วย
เหตุผลกลับกลายเป็นเอาชนะกันด้วยอารมณ์ทำให้ต้องทะเลาะวิวาท
ลงมือลงไม้กันเป็นประจำและบ่อยครั้งที่พาลมาระบายอารมณ์กับลูกเล็ก ๆ
ที่ไม่เรื่องด้วยเลย
5. ปัญหาทางด้านจิตใจ
สมาชิกในครอบครัวบางคนอาจเติบโตมาจากครอบครัวที่นิยมใช้ความรุนแรงมาก่อน
เมื่อมีครอบครัวของตัวเองจึงติดที่จะนำความรุนแรงมาใช้เช่นกัน
บางคนอาจจะมีบุคลิกภาพแบบอันธพาล คือ ชอบทำร้ายผู้อื่นโดยไม่รู้สึกผิด
หรือบางรายอาจมีอาการซึมเศร้า รู้สึกหดหู่ หมดอาลัยตายอยากในชีวิต
จนคิดฆ่าตัวตาย
สำหรับการป้องกัน และแก้ไขปัญหา
การใช้ความรุนแรงในครอบครัวนั้นคงต้องกระทำทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านการให้ ความรู้ที่ถูกต้อง ด้านการเปลี่ยนทัศนคติและด้านพฤติกรรม
การให้ความรู้
โดยการให้ความรู้แก่ชายหญิงที่ประสงค์จะแต่งงานกันให้ทราบล่วงหน้าเพื่อ
เตรียมการปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงจากการเป็นคู่รักที่มีแต่ความหวานชื่น มาเป็นคู่สมรสที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เช่น ทั้งด้านการเงิน การงาน และ การเลี้ยงดูลูก ๆ
การเปลี่ยนทัศนคติ โดยเฉพาะผู้ชายหลาย ๆ คน
จะต้องเปลี่ยนความคิดจากที่ว่าชายชาตรีต้องถึงพร้อมด้วยสุรา นารี
และการพนันต่าง ๆ เป็นผู้ชายที่ดี ต้องรักเดียวใจเดียว
และต้องรับผิดชอบเรื่องฐานะการเงินของครอบครัวให้ดีที่สุด
เปลี่ยนจากความคิดที่ว่างานบ้าน งานเลี้ยงลูกเป็นงานของผู้หญิง
มาเป็นการร่วมแรงร่วมใจกัน ทำงานเพื่อแบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน
ภรรยาจะได้ไม่หงุดหงิด และลูกจะได้ใกล้ชิดพ่อด้วย
และเปลี่ยนจากความเข้าใจผิดที่ว่าลูกเมียเป็นสมบัติส่วนตัว
ที่คิดจะซ้อมจะทุบตีก็ทำได้เสมอเป็นความคิดที่ว่า ชายหญิงนั้นเท่าเทียมกัน
และพ่อคือผู้ปกป้องคุ้มครองลูกเมีย ไม่ใช่ผู้ทำร้ายครอบครัวเสียเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น